สุดยอดสมุนไพรเพิ่มภูมิคุ้มกันและพิชิตเชื้อไวรัส

นอกจาก flavonoid แล้วนั้น หม่อนหรือมัลเบอร์รียังเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยสารอัลคาลอยด์ สารดังกล่าวมีประสิทธิภาพเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้นกันร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยจะเข้าไปทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ Macrophages ซึ่งเป็นเซลล์ที่คอยทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่มักเข้ามาจู่โจมเล่นงานภายในร่างกาย จึงทำให้ร่างกายของคุณมีภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรงและลดโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายนั่นเอง

 

ใบหม่อนนอกจากใช้เป็นอาหารของหนอนไหมแล้ว ใบหม่อนสามารถนำไปทำเป็นชาสำหรับชงน้ำร้อนดื่ม หรือรับประทานใบและยอดอ่อนโดยตรงโดยการใส่ในต้มหรือแกงก็ได้ สารที่มีประสิทธิภาพสูงในใบหม่อน ได้แก่ flavonoid ซึ่งเป็นสาร phytoestrogen triterpene, ceramide, mulberroside และน้ำมันหอมระเหย ที่มีคุณสมบัติลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด ผลการวิจัยยังพบอีกว่าเมื่อผลหม่อนมีระยะการสุกเพิ่มขึ้น ปริมาณสารออกฤทธิ์ดังกล่าวข้างต้นจะมีมากเพิ่มขึ้นเช่นกัน

 


สุดยอดสมุนไพรเพิ่มภูมิคุ้มกันและพิชิตเชื้อไวรัส

          มะรุมเป็นที่รู้จักดีในศาสตร์แพทย์โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั่วเอเชียว่าสามารถพิชิตอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะส่วนของใบจะมีสรรพคุณ ฤทธิ์ลดความดันโลหิต, ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร, ฤทธิ์ต้านไวรัส Herpes simplex virus type I, ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และอื่นๆ อีกมาก การศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของใบมีสาร Flavonoids ที่มีสรรพคุณช่วยยับยั้งสารอนุมูลอิสระ และช่วยบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ ได้ รวมทั้งเสริมสร้างร่างกายและเซลล์ให้แข็งแรงทำให้ ร่างกายป่วยได้ยาก

       มะรุมจัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นพืชผักสมุนไพรโดยมีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย มีการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรเกือบทุกส่วนรวมทั้งเปลือกด้วย มะรุมอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมหลายชนิด ซึ่งจุดเด่นของมะรุมก็คือจะมีวิตามินเอ ซี แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงมาก มะรุมยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคได้หลายชนิด

 

 


สุดยอดสมุนไพรเพิ่มภูมิคุ้มกันและพิชิตเชื้อไวรัส

       พลูคาวมีสารสำคัญในกลุ่มกลุ่มฟีนอลิก (Phenolic compounds) และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งสารเหล่านี่สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้ ด้วยการเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ที่เชื้อไวรัส เอาไว้ใช้ในขั้นตอนการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวน อีกทั้ง ยังสามารถกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถควบคุมกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายไม่ให้ร้ายแรงไปกว่าเดิมได้

           พลูคาว หรือ ผักคาวตอง เป็นพื้นท้องถิ่นของประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมประเทศไทยด้วยเช่นกัน มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนาน รวมทั้งบรรจุในตำราการแพทย์ของจีน รวมทั้งไทยด้วย นิยมนำมาใช้ในการรักษาการอักเสบต่างๆ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจต่างๆ รวมทั้งสาเหตุจากเชื้อไวรัสด้วย


สุดยอดสมุนไพรเพิ่มภูมิคุ้มกันและพิชิตเชื้อไวรัส

        ฟ้าทะลายโจร สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ต้านไวรัสโดยเฉพาะไวรัสที่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่จะช่วยสร้างสมดุล ให้กับร่างกาย ช่วยทำให้มีการหลั่งสารคัดหลั่ง ในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะช่วยป้องกันให้ไวรัสเข้าไปโจมตีปอดของเราได้ยากมากยิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายของเรา สู้กับโรคระบบทางเดินหายใจโดยมอบภูมิต้านทานที่มากขึ้น

 

           ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาไข้หวัดมาอย่างช้านาน นิยมนําส่วนของใบและลําต้นใต้ดิน มาทําเป็นยารักษาโรค โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ในฟ้าทะลายโจมีสาร Andrographolide ที่เป็นตัวยาสําคัญที่มีอยู่ในส่วนของ ราก ต้น ใบ ซึ่งมีตุณสมบัติในการ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ฆ่าเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย รวมไปถึงช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้จับกินเชื้อโรคได้ดี ยิ่งขึ้นอีกด้วย

 


สุดยอดสมุนไพรเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านอนุมูลอิสระพิชิตเชื้อไวรัส

ตรีผลา อย่างที่เรารู้ๆกันว่า ตรีผลานั้น ประกอบไปด้วย สมุนไพร 3 ตัว ได้แก่ สมอไท มะขามป้อม สมอภิเภก ซึ่งในแต่ละตัว ล้วนแต่มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น ซึ่งมีส่วนช่วงอย่างมากในการต้านไวรัส ได้เป็นอย่างดี โดยในปัจจุบันการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกแนะนำให้ดื่ม “น้ำตรีผลา” ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในการต้านเชื้อวรัส โดยสารสำคัญที่พบใน ตีผลา คือ สารกลุ่มแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารเฟลโวนอยด์ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ให้แข็งแรง และสารเคอร์ซีติน ที่มีศักยภาพในการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อไวรัส ได้ดีเช่นกัน

จากการทดสอบฤทธิ์ตลีผลาทางเภสัชวิทยา พบว่าตรีผลามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและลดอาการอักเสบที่ดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันอันตรายจากการฉายรังสี รวมถึงยังช่วยกระตุ้นการทํางานของระบบ ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ในเลือด นอกจากนี้สารสกัดตรีผลายังมีฤทธิ์ต้าน เซลล์มะเร็งได้อีกด้วย จากการทดสอบฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง พบว่าสารสกัดตรีผลาสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยไม่เป็นพิษต่อเซลล์


 สุดยอดสมุนไพรเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านไวรัส Covid19

ช่วงนี้ในประเทศไทยเจอมรสุมครั้งยิ่งใหญ่ในการต้องต่อสู้กับไวรัส Covid19 ซึ่งหนทางในการป้องกันนอกจากอุปกรณ์ทั่วๆไปแล้วนั้น ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยเช่นกัน ระบบภูมิคุ้มกันเปรียบเหมือนป้อมปราการณ์ที่คอยกำจัดและป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ซึ่งหากร่างกายของเรามีภูมิคุ้มกันที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส COVID19 รวมถึงเชื้อโรคอื่นๆได้ด้วย

ซึ่งการเลือกรับประทาน เห็ดหลินจือ ก็เป็นอีก 1 ทางเลือดที่ดี เพราะ เห็ดหลินจือ มีส่วนช่วยในการเพิ่มการทำงานของ T และ B lymphocytes เซลล์โมโนนิวเคลียร์ และกลุ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย  และนอกจากนี้ใน เห็ดหลินจือ มีสารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์หลัก มีส่วนช่วยในการเพิ่มและขยายตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งมีผลในการเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย

ระบบภูมิคุ้มกันเป็นระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันร่างกายของเราจากสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสารเคมีที่เราอาจได้รับไนแต่ละวัน สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ มะเร็ง และอาการแพ้ต่างๆ หากภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่องจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคออกไปได้

เห็ดหลินจือสามารถเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ โดยมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเม็ดเลือดขาวเพื่อสร้าง cytokines ซึ่งช่วยให้เม็ดเลือดขาวสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรค ในสารสกัดเห็ดหลินจือมีสารเบตากลูแคนที่สามารถปรับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อีกด้วย


ป้องกันแสงสีฟ้า

แสงสีฟ้า คืออะไร ? 
แสงในโลกนี้ประกอบด้วยแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยแสง UV จากดวงอาทิตย์ เป็นแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ในทางตรงกันข้าม แสงที่สามารถมองเห็นได้คือแสงที่ดวงตาของเรามองเห็นเป็นสีต่างๆ เช่น แสงสีม่วง แสงสีคราม แสงสีแดง แสงสีเขียว แสงสีเหลือง แสงสีส้ม และแสงสีฟ้า ส่วนแสงสีฟ้าที่จะกล่าวถึง จะอยู่ในรูปของช่วงสี ตั้งแต่แสงสีเขียวอมฟ้า ไปจนถึงแสงสีฟ้าอมม่วง

แสงสีฟ้าเป็นอันตรายหรือไม่ ?

แสงในช่วงสีฟ้าอมม่วง จะเป็นอันตรายต่อดวงตา และผิวพรรณของเรา ถ้าเราได้รับมันมากเกินไป สาเหตุเหล่านี่เกิดจาก การใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และหน้าจอ เป็นเวลานาน ๆ ดังนั้น เราจึงมีความจำเป็น ในการป้องกันผิวพรรรณ และดวงตาของเรา จากแสงสีฟ้าเหล่านี้ เพราะเราไม่สามารถหลีกเลียงในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะคนวัยทำงานได้

แสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายมีอยู่ที่ใดบ้าง ?

แสงสีฟ้า ที่เป็นอันตรายมีอยู่ทุกที่ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง เกิดจากทั้งอุปกรณ์ต่างๆ และจากดวงอาทิตย์ (แสงสีน้ำเงินที่เปล่งออกมาจากดวงอาทิตย์ เป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า) ความจริงก็คือ ดวงอาทิตย์เปล่งแสงสีฟ้า ที่เป็นอันตรายที่มีความเข้มมากกว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และหน้าจอดิจิทัลถึง 100 เท่า

BluVLite ป้องกันแสงสีฟ้า

ในโลกยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย กับการสัมผัสแสงจากจอหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแสงไฟ ซึ่งอุปกรณ์ที่เราใช้เหล่า นี้จะปล่อย แสงสีฟ้า ที่เรียกว่า “Blue Light” ออกมา Blue Light คือแสงที่ผสมอยู่ในช่วงแสงสีขาว ที่มนุษย์มองเห็น โดยมีความยาวคลื่น 400-500 นาโนเมตร มีพลังงานสูง high-energy visible (HEV) นอกจากนี้ยังมีแสงจาก UV ซึ่งเป็นแสงที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ มีความยาวคลื่น 200-400 นาโนเมตร โดยจะแบ่งเป็น UVA, UVB และ UVC ซึ่งแสง Blue Light และแสง UV เป็นอันตรายต่อผิวหากได้รับในปริมาณที่มากไป

อาจพูดได้เลยว่า การใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ หรืออยู่ภายใต้แสงไฟเป็นเวลานาน ๆ ทำให้เราได้รับผลของแสง “Blue Light” ซึ่งมีอันตรายต่อดวงตารวม ถึงผิวของเรา หากผิวได้รับแสง Blue Light เป็นเวลานานๆ จะส่งผลทำให้ผิวหนังสร้างเมลานินขึ้นมา มีผลทำให้ผิวหมองคล้ำ และยังก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ อาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ ไม่ต่างจากการถูกแสงแดด  อีกทั้งยังไปลดการหลั่งของฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ทำให้นอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิท หรือนอนหลับได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ซึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงสีฟ้า และรังสี UV ได้ BluVLite จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันผิวจาก แสงสีฟ้า และรังสียูวี ด้วยการนำคุณค่าสารสกัด 3 ชนิด ได้แก่สารสกัด ทับทิม (Pomegranate), สารสกัดอัญชัญ (Blue pea) และ สารสกัดมังคุด (Mangosteen) ที่มีคุณสมบัติสามารถดูดกลืนแสงสีฟ้า และรังสียูวี ด้วยสารสกัดที่เป็นธรรมชาติ แม้จะส่งผลได้ไม่รวดเร็วเท่าสารเคมี แต่จะไม่เกิดผลร้ายข้างเคียงใดๆ ต่อผิวหนัง และให้การปกป้องผิวทันทีที่ใช้ รวมถึงปกป้องผิวด้วยค่า SPF ที่สูงสุด โดยใช้นวัตกรรม BioCPX

นวัตกรรม BioCPX

นวัตกรรม BioCPX  เป็นการรวบรวมสารสกัดจากธรรมชาติมา Synergist เพื่อให้สามารถดูดซึมแสงสีฟ้าและรังสียูวีไม่ให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิว และคุณสมบัติของสารสกัดสมุนไพรที่ช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ผิวลึกล้ำจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปกป้องผิวหนังไม่ให้ถูกทำลาย ลดการเกิดอนุมูลอิสระ และริ้วรอย

แหล่งข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม

สารอาหารบำรุงสายตา

สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ประกอบไปด้วย

  • สารในตระกูลแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งในธรรมชาติมีมากถึง 600 ชนิด แต่มีเพียง 2 ชนิด คือ ลูทีน (Lutein)  และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่พบในบริเวณเนื้อเยื่อตา และพบมากที่สุดบริเวณจุดศูนย์กลางของจอประสาทตา เป็นสาร Antioxidant ที่ช่วยเรื่องการบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจกและโรคจอตาเสื่อม ทั้งยังช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระและกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา
  • สารไลโคปีน (Lycopene) จากผิวมะเขือเทศ เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีบทบาทสำคัญในการบำรุงร่างกาย ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคต้อกระจก ป้องกันเยื่อบุตาอักเสบ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา และช่วยบำรุงสายตา ทำให้มองเห็นในที่มืดได้ดี
  • สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) จากบิลเบอร์รี (Bilberry) เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อดวงตาอย่างมาก ช่วยป้องกันต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม และโรคทางตาอื่นๆ จึงมักพบเห็นบิลเบอร์รีในอาหารเสริมช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และต่อต้านการอักเสบ
  • สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) พบในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รวม (Mixed Berry Blend) ประกอบด้วย บิวเบอร์รี (Bilberry) ช่วยบำรุงสายตา ขจัดสารพิษตกค้างบริเวณหลอดเลือดและระบบเลือด เสริมสร้างและฟื้นฟูคอลลาเจน แครนเบอร์รี (Cranberry) ช่วยยับยั้งการจับตัวของแบคทีเรีย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคปัสสาวะอักเสบ บลูเบอร์รี (Blueberry) มีวิตามิน C และ วิตามิน E สูง ช่วยต้านอนุมุลอิสระ ชะลอความแก่ ราสเบอร์รี (Raspberry) ลดโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังและมะเร็งเต้านม ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดผิวหมองคล้ำเสีย ป้องกันการเกิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวสดใส เปล่งปลั่งและสมานผิว ช่วยในการหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้อย่างปกติ และมีประสิทธิภาพ และโกจิเบอร์รี (Goji Berry) หรือเก๋ากี้ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เสริมการทำงานของแอนติบอดี้ ช่วยต้านการอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง บำรุงผิวพรรณ ชะลอความชรา ลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดได้
  • สารเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ป้องกันผิวจากอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากับแสงแดด ผิวพรรณสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย ดูสดใสอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสภาพปกติของเซลล์เยื่อบุตาขาว กระจกตา ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ รวมถึงทางเดินปัสสาวะให้เป็นปกติ และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี
  • วิตามินเอ (Vitamin A Acetate) วิตามินสำหรับดวงตา มีประโยชน์ต่อสมรรถภาพในการมองเห็น ช่วยให้มองเห็นในที่ที่มีแสงสว่างน้อย และมองเห็นสีสันต่างๆ เป็นปกติ นอกจากนี้ยังควบคุมการผลิตและการทำงานของเซลล์ผิวหนังและเซลล์เยื่อบุทั่วร่างกายให้เป็นปกติ
  • วิตามินอี (Vitamin E DL-Alpha-Tocopheryl Acetate) สารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ดี ป้องกันการทำลายเซลล์หรือลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงภาวะผนังหลอดเลือดแข็งตัว, โรคหัวใจ, ภาวะความดันโลหิตสูง, ภาวะปวดอักเสบข้อ, ความแก่ หรือภาวะมะเร็งตามมาได้ในระยะยาว
  • วิตามินบี (Vitamin B Complex) เกี่ยวข้องกับการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยในการผลิตกรดอะมิโน เสริมสร้างร่างกายที่สึกหรอ ช่วยรักษาสมดุลของระบบต่างๆ Vitamin B1 ช่วยลดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า Vitamin B2 ช่วยเร่งขบวนการเผาผลาญสารอาหารคาร์โบไฮเดรตและไขมัน Vitamin B3 ทำให้ร่างกายสดชื่นได้อย่างรวดเร็ว Vitamin B5 ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น บำรุงผิวหนังและระบบประสาทให้ทำงานได้ดีขึ้น Vitamin B6 จำเป็นในขบวนการสร้างฮอร์โมนและสารสื่อประสาทต่างๆ ในร่างกาย ลดอาการสมองเสื่อมและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย Vitamin B12 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง กระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็กและระบบการย่อยอาหารและดูดซึมอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเร่งขบวนการเผาผลาญสารอาหารต่างๆ ให้เกิดเป็นพลังงาน
  • สารสกลัดจากเปลือกสน (Pine Bark Extract) เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยชะลอความแก่และช่วยลดความหยาบกร้านของเซลล์ผิวทำให้ผิวพรรณดูสดใสเปล่งปลั่งและช่วยเร่งการขจัดเม็ดสีที่ตกค้างซึ่งเป็นสาเหตุของกระและฝ้า ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำให้กระและฝ้า ดูจางลง
  • สารสกัดจากมะขามป้อม (Emblica Extract) บำรุงอวัยวะแทบทุกส่วนของร่างกาย คือ ผม สมอง ดวงตา คอ หลอดลม ปอด หัวใจ กระเพาะ ลำไส้ ตับ ไต ตับอ่อน ผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสีย ปรับประจำเดือนให้มาปกติ บำรุงเลือด บำรุงกำลัง ช่วยลดความดันเลือดสูง ในแง่ของการบำรุงสายตา ในมะขามป้อมเต็มไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยบำรุงเส้นเลือดฝอยและรักษาทำงานของเซลล์จอประสาทตา ช่วยลดอาการคันและอาการตาแห้งได้
  • สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นของอิลาสติน เพิ่มการสร้างเส้นใยผิวหนัง เส้นเอ็นปลายกล้ามเนื้อ และเอ็นยึดข้อต่อตลอดจนกระดูกอ่อน เพิ่มการไหลเวียนโลหิตผ่านระบบหลอดเลือดฝอยไปทั่วร่างกาย ป้องกันเส้นเลือดฝอยแตก อันเป็นสาเหตุให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด และเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ช่วยต่อต้านการสร้างอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด

ข้อมูลจาก https://www.bangkokhospital.com/index.php/th/diseases-treatment/blue-light-destructive-to-eye