การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากสมุนไพร เป็นที่นิยมอย่างมาก เช่น อาหารเสริม ยาแผนโบราณ และเครื่องสำอาง สำหรับบางคนสมุนไพรเป็นทางเลือกที่เติบโตเพื่อรักษาหรือบรรเทาปัญหาสุขภาพ

เหตุผลที่คนนิยม เลือกสารสกัด สมุนไพร

     สมุนไพรเป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติ: สมุนไพรเป็นสิ่งมีชีวิตและไม่ใช้สารเคมีอื่น ๆ ในกระบวนการผลิต ซึ่งทำให้มีการเลือกใช้ที่เป็นทางเลือกที่เน้นการใช้ธรรมชาติและไม่มีสารเคมีมากนัก

     สมุนไพรมีประสิทธิภาพในการรักษา: สมุนไพรมีศักยภาพในการรักษาหรือบรรเทาอาการของหลายปัญหาสุขภาพ เช่น การบรรเทาอาการปวดเมื่อย, การสร้างสุขภาพในระบบทางเดินอาหาร, การปรับสมดุลของอารมณ์, และอื่น ๆ 

     สมุนไพรเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัย: สมุนไพรที่ใช้ตามคำแนะนำและคำแนะนำทางการแพทย์มักเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยเมื่อใช้ในปริมาณที่ถูกต้องและสนับสนุนรายละเอียดทางการแพทย์

     โดยทั้งนี้ควรจำไว้ว่าสมุนไพรไม่ใช่จะใช้ได้กับทุกคนเสมอไป สำหรับทุกคน การใช้สมุนไพรควรอาศัยความรู้และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและป้องกันปัญหา และรักษาสุขภาพ  ควรปรึกษาแพทย์หากมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงหรือถ้าคุณกำลังใช้ยาอื่น ๆ ร่วมด้วย 

     การใช้อาหารเสริม ยาแผนโบราณ หรือเครื่องสำอาง ที่สารสกัดสมุนไพรมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและป้องกันปัญหาสุขภาพเสริมเติม ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนทั่วไปในการใช้สมุนไพร เลือกสมุนไพรที่เหมาะกับคุณ เลือกสมุนไพรที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของคุณ และอยู่ในความสามารถในการจัดหา ตรวจสอบว่าสมุนไพรที่คุณเลือกเหมาะกับสภาพร่างกายและปัญหาสุขภาพของคุณ

สมุนไพรสามารถมีประโยชน์ต่อผิว

     ทำความสะอาดผิว: สมุนไพรเช่น คลีนซิ่งและคาโมมายล์มีคุณสมบัติทำความสะอาดและช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิว คุณสามารถใช้สมุนไพรเหล่านี้ในการล้างหน้าหรือในรูปแบบผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

     ลดการอักเสบ: สมุนไพรเช่น ละมุด มีคุณสมบัติต้านอักเสบที่สามารถช่วยลดอาการอักเสบบนผิวหนัง คุณสามารถใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนังหรือทาบนผิวโดยตรง

     บำรุงผิว: สมุนไพรเช่น ว่านหางจระเข้มีสมบัติบำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวนุ่ม, ชุ่มชื้น, และมีความสดใส คุณสามารถใช้น้ำมันหรือครีมที่มีสมุนไพรเหล่านี้เป็นส่วนประกอบหรือใช้สมุนไพรเหล่านี้ในการทำมาสก์หน้า

     รักษาสิว: สมุนไพรเช่น ขมิ้นชัน มีคุณสมบัติต้านเชื้อโรคและสามารถช่วยลดการอักเสบและสิวบนผิวหนัง คุณสามารถใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สำหรับการรักษาสิวหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนังที่ช่วยควบคุมสิว

     ป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากรังสีแสงและมลภาวะ: สมุนไพรเช่น ใบบัวบก มีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันผิวจากความเสียหายจากรังสีแสงและมลภาวะ คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสมุนไพรเหล่านี้เป็นส่วนประกอบหรือใช้ในการทำมาส์กหน้า

     ควรจำไว้ว่าผิวแต่ละคนมีความต้องการและปัญหาที่แตกต่างกัน การเลือกสมุนไพรสำหรับการดูแลผิวควรพิจารณาความต้องการส่วนบุคคลและประสิทธิภาพของสมุนไพรที่ถูกเลือก คุณควรทดลองใช้และรักษาความรู้สึกเกี่ยวกับผิวหนังของคุณเพื่อหาสิ่งที่เหมาะกับคุณมากที่สุด แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้สมุนไพรในการดูแลผิวของคุณ

สมุนไพรช่วยชะลอวัย

     “ความแก่” เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถชะลอได้ แค่รู้เคล็ดลับง่ายๆ โดยเฉพาะจากสมุนไพรไทยใกล้ตัว มีสรรพคุณช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ไม่แก่เร็ว มีประโยชน์กับร่างกาย ถ้ารับประทานเป็นยาไม่ถนัด จะดัดแปลงรับประทานเป็นอาหารก็ได้

     ขมิ้นชัน : คนไทยรู้จักกันดี จะนำมาใช้ปรุงเป็นอาหารก็ได้ อาหารใต้นิยมใช้กันเยอะ หรือจะใช้แบบสดแบบผงแห้งทาผิวก็ดี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงมาก

     กระเทียม : กินแล้วดี นอกจากมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อถือเป็นยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติ

     ดอกดาวเรือง : เป็นสมุนไพรกินแบบแห้งชงเป็นชา หรือทำขนม ทำสลัดก็ได้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่สูงเช่นกัน และยังมีสารลูทีน และ ซีแซนทีน ที่ดีต่อดวงตาเพราะช่วยดูดซับแสงสีฟ้าและแสงยูวี

     ใบย่านาง : คนโบราณนิยมคั้นน้ำสดๆ เอามาผสมแกง ซึ่งมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดี

     อัญชัน : มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยดูแลความงามของผิวพรรณ ในอัญชันยังมากไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ที่ช่วยให้ระบบเลือดหมุนเวียนดี ผิวสวยแก้มแดงไปอีก

สมุนไพรที่ช่วยในการระบาย

     ปรับเปลี่ยนกระบวนการย่อยอาหาร, ลดอาการท้องอืด, แน่นท้อง, และอาการท้องผูก แต่ควรใช้ในขอบเขตที่แนะนำและไม่ควรใช้ในปริมาณมากเกินไป เรามาดูบางสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเหล่านี้

     มะขามแขก : ฝักและใบมะขามแขกใช้เป็นยาระบาย โดยใช้ใบแห้ง 1-2 หยิบมือ หรือ ใช้ฝัก 4-5 ฝัก หักเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วย นาน 15 นาที ดื่มก่อนนอนถ้ามีอาการแน่นจุกเสียดให้ใช้ร่วมกับยาขับถ่าย เช่น ขิงแก่ กระวาน หรือ กานพูล เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกประจำ ข้อควรระวัง ควรใช้มะขามแขกเพื่อแก้อาการท้องผูกเป็นครั้งคราว ไม่ควรรับประทานมะขามแขกติดต่อกันนาน เพราะจะทำให้ขาดธาตุโปแตสเซียม และทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้

     แมงลัก : แมงลักหรือยาสกัดจากเมล็ดแมงลักใช้เป็นยาระบายที่ดีช่วยเพิ่มกากอาหารทำให้อุจจาระมาก เมือกจะช่วยหล่อลื่นและช่วยให้อุจจาระอ่อนตัว

     ขี้เหล็ก :  ขี้เหล็กเป็นสมุนไพร มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นเหมาะสำหรับผู้สูงอายุซึ่งมักจะนอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้ และมีอาการท้องผูก

     การใช้สมุนไพรควรระวังและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมตามความต้องการและสภาพสุขภาพของคุณ อีกทั้งควรระวังอาจมีความผิดปกติหรือแพ้ต่อสมุนไพรบางชนิด ดังนั้นควรทดลองใช้ในปริมาณเล็กๆ ก่อนที่จะเพิ่มปริมาณ และหยุดใช้หากมีอาการที่ไม่พึงพอใจหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ 

     หากผู้ประกอบการใด สนใจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร  เช่น อาหารเสริม และเครื่องสำอาง สามารถติดต่อ SNPS ได้เลย เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำ มั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีคุณภาพอย่างแน่นอน

ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) SNPS

โทร: 038-458-698 ต่อ 102 , 086-307-3610
ไลน์: @snpthai
อีเมล์: sales@snpthai.com
เว็บไซต์: http://www.snpthai.com

บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด (SI)

โทร: 02-313-3456, 095-558-2289
ไลน์: @SpecialtyInno
อีเมล์: contact@spgthai.com
เว็บไซต์: http://www.specialtyinnovation.com

 


     ปัจจุบันสมุนไพร (Botanical Extract) เป็นที่ยอมรับและต้องการของตลาดทั่วโลก ทั้งด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง วัตถุดิบสมุนไพรหลายชนิดได้ถูกนำไปเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เหล่านี้หลายอย่างและผลิตออกจำหน่ายไปทั่วโลก สมุนไพร 3 ชนิดคือ เห็ดหลินจือ, กระชายดำ และใบบัวบก เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยม เป็นที่ยอมรับและมีความต้องการของตลาดโลกสูง ดังนั้น ผู้ที่สนใจ สามารถสั่งผลิตเพื่อการจำหน่ายไปยังต่างประเทศ ก็สามารถทำได้

สมุนไพร ที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

     กระชายดำ (Black galingle)

     เป็นพืชในวงศ์เดียวกับ กระชาย ข่า ขิง และขมิ้น มีลักษณะเหง้าคล้ายขิง แต่เนื้อในมีสีออกม่วงดำ กระชายดำเป็นพืชพื้นเมืองเขตร้อนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในประเทศไทยพบขึ้นตามธรรมชาติบนภูเขา และมีการเพาะปลูกทั่วภูมิภาคของประเทศไทย

     ในเหง้ากระชายดำ จะประกอบด้วยสารสำคัญต่าง ๆ เช่น น้ำมันหอมระเหย สารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) กลุ่มฟลาโวน (flavones) เช่น 5,7-dimethoxyflavone, 5,7,4′-trimethoxyflavone, 5,7,3′, 4′-tetramethoxyflavone และ 3,5,7,3′,4′-pentamethoxyflavone กลุ่มสารแอนโทไซยานิน (antho-cyanins) และสารประกอบฟีนอลิก (phenolic compounds) อื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วพันธุ์ที่มีเนื้อในเหง้าสีเข้ม จะมีปริมาณสารฟีนอลิกรวมและสารฟลาโวนอยด์สูงกว่าพันธุ์ที่มีเนื้อในเหง้าสีจาง ส่วนพันธุ์ที่มีเนื้อในเหง้าสีจาง จะมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยสูงกว่าพันธุ์ที่มีสีเข้ม

     กระชายดำเป็นสมุนไพรแสนมหัศจรรย์ของท่านชาย เพราะสรรพคุณของกระชายดำที่ได้รับการกล่าวขานกันมาก ก็คือ สรรพคุณเพิ่มพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจากฤทธิ์ของกระชายดำจะไปบำรุงกำลัง เพิ่มฮอร์โมนให้หนุ่ม ๆ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น 

  • ใช้บำรุงกำลัง
  • แก้ปวดเมื่อยและอาการเหนื่อยล้า
  • ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
  • ช่วยขับลมพิษ 
  • เป็นยาอายุวัฒนะ 
  • แก้จุกเสียด แก้ปวดท้อง
  • โขลกกับเหล้าขาวคั้นน้ำดื่ม แก้โรคมดลูกพิการ มดลูกหย่อน
  • ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก
  • ต้มดื่มแก้โรคตา 
  • ช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย
  • บำรุงผิวพรรณของสตรีให้สดใส เปล่งปลั่ง ฟื้นฟูผิวให้สวยนุ่ม
  • บำรุงประสาท 
  • แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในตอนกลางคืน
  • บำรุงโลหิตของสตรี
  • รักษาโรคภูมิแพ้
  • ช่วยขับลม
  • แก้ท้องอืด
  • ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  • แก้อาการตกขาวของสตรี
  • แก้อาการประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี
  • ช่วยรักษากลากเกลื้อนและติดเชื้อผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
  • รักษาโรคเกาต์
  • แก้อาการเหน็บชา
  • ใช้ต้มกับน้ำให้สตรีหลังคลอดบุตรดื่ม จะช่วยขับน้ำนม รักษาอาการตกเลือด 

ขนาดแล้ววิธีการใช้งาน

สำหรับวิธีการใช้ประโยชน์กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้โรคบิด และลมป่วงทุกชนิด

  • ถ้าเป็นเหง้าสด ให้ใช้ประมาณ 4–5 เหง้า นำมาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนนำมารับประทานเป็นอาหารเย็น ในปริมาณ 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบาง ๆ แช่กับน้ำดื่ม หรือนำมาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • หากเป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอน 
  • หากเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้อน 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) และแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความต้องการ แล้วนำมาดื่ม ส่วนใหญ่ใช้บรรจุในแคปซูล

เห็ดหลินจือ (Reishi Mushroom)

     เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้ม มีพื้นผิวมันวาว มีลักษณะคล้ายไม้ และมีรสขม เป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีชื่อเสียงและใช้เป็นยารักษาโรคในแพทย์แผนจีน มานานกว่า 2,000 ปี 

สารอาหารสำคัญในเห็ดหลินจือ

     ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของมนุษย์มากมาย จำพวกเส้นใยต่าง ๆ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ อย่างสเตียรอยด์ (Steroids) เทอร์ปีนอยด์ (Terpenoids) ฟีนอล (Phenols) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลโคโปรตีน (Glycoproteins) พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารอนุพันธ์อื่น ๆ โดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine) จึงมีส่วนช่วยในเรื่องภูมิคุ้มกัน และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทานเพื่อเสริมคุ้มกันของร่างกายในระยะยาวได้ ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างเช่นกาแฟ

     ในปัจจุบัน จึงมีการใช้เห็ดหลินจืออย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญและเพิ่มมูลค่าให้กับประเทศ และนักวิจัยจึงได้นำมาศึกษาและนำเห็ดหลินจือมาทดลองหาประสิทธิผลทางการรักษาและการบำรุงสุขภาพ

สรรพคุณของเห็ดหลินจือ 

     เนื่องจากเห็ดหลินจือมีสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เห็ดหลินจือจึงได้รับความนิยมนำมาเป็นยาบำรุงร่างกายในด้านต่าง ๆ ทั้งในเรื่องการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ช่วยต้านไวรัส ช่วยจัดการไขมันต่าง ๆ ในร่างกาย และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ 

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เห็ดหลินจือมีสารไตรเทอร์พีนอยด์ และนิวคลีโอไทด์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ ไม่ป่วยง่าย ลดการอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือมีการทำงานกับเม็ดเลือดขาวในร่างกายจึงช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้นพร้อมต่อสู้กับไวรัสสิ่งแปลกปลอมด้วย
  • ต่อต้านอนุมูลอิสระ ในเห็ดหลินจืออุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ การทานเห็ดหลินจือมีผลต่อการบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ผิวสดใส เปล่งปลั่ง ชะลอความแก่ และช่วยให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ช่วยดูแลระบบไหลเวียนเลือด เห็ดหลินจือมีนิวคลีโอไทด์ที่มีคุณสมบัติสลายลิ่มเลือดได้ จึงมีสรรพคุณในการช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือด ให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ ช่วยให้หลอดเลือดขยายและสูบฉีดไปเลี้ยงหัวใจได้สะดวก เลยมีผลช่วยให้บำรุงหัวใจและหลอดเลือด 
  • ลดการสะสมของไขมันในร่างกาย จากงานวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือ มีสารไตรเทอร์พีนอยด์ โดยมีกรดกาโนเดอริค (Ganoderic Acid) ซึ่งมีสรรพคุณในการเพิ่มออกซิเจนในระดับเซลล์และยังช่วยบำรุงตับ สามารถป้องกันไขมันพอกตับได้ (Fatty Liver) อีกทั้งไตรเทอร์พีนอยด์บางชนิดยังมีส่วนช่วยลดไขมันในเลือด ป้องกันการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด ยับยั้งการสังเคราะห์ไขมันคอเลสเตอรอล ทำให้เลือดไหลเวียนดี เนื่องจากไม่มีไขมันเกาะตามผนังหลอดเลือด

วิธีการทานเห็ดหลินจือ 

     เห็ดหลินจือสามารถบริโภคได้หลายวิธี อาจนำมาต้มเป็นชาตามแบบโบราณ หรือนำเห็ดหลินจือมาบดเป็นผงใส่แคปซูล หรืออาจสกัดเห็ดหลินจือผสมกับส่วนผสมอื่นที่มีฤทธิ์เสริมกันในรูปแบบเม็ดเพื่อเพิ่มความสะดวก อย่างไรก็ตาม วิธีทานเห็ดหลินจือที่ต่างกันก็ทำให้สารอาหารที่ร่างกายจะได้รับต่างกันไปด้วย 

ปริมาณการบริโภคเห็ดหลินจือต่อวัน ที่แนะนำ ได้แก่

  • เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่ควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
  • ผงสกัดเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม/วัน
  • สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน

วิธีต้มดื่ม

     การทานเห็ดหลินจือด้วยวิธีการต้ม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก โดยนำเห็ดหลินจือมาตากแห้ง หรือฝานเป็นแว่น แล้วบดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนต้มดื่มเป็นชา หรือนำไปดองเป็นยา 

บดเป็นผงใส่แคปซูล

     การทานเห็ดหลินจือด้วยวิธีการบดเป็นผงใส่แคปซูล เป็นวิธีที่เพิ่มความสะดวกสบายในการทานเห็ดหลินจือได้มาก แต่อาจทำให้ร่างกายดูดซึมได้ยาก จึงรับประโยชน์จากเห็ดหลินจือไม่เต็มที่ หากไม่มีการควบคุมคุณภาพของผงเห็ดหลินจือให้ดี อาจทำให้ขึ้นรา หรือมีสารปนเปื้อนได้ ทำให้แทนที่จะได้รับคุณประโยชน์เราอาจจะได้รับโทษแทน

สมุนไพรที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

ใบบัวบก (Centella asiatica)

     ช่วยแก้ช้ำทำให้ร่างกายรู้สึกดีมากขึ้น แต่ด้วยคำบอกเล่านี้เองทำให้ใบบัวบกถูกเข้าใจว่าสรรพคุณของใบบัวบกนั้นทำได้เพียงแค่แก้ช้ำในเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วประโยชน์ของใบบัวบกยังมีอีกมากมาย รวมถึงสรรพคุณใบบัวบกที่ช่วยในเรื่องความสวยความงามอีกด้วย

สรรพคุณของใบบัวบก

  • ช่วยเสริมสร้างอิลาสตินให้ผิว

     ใครที่ผิวขาดความแข็งแรง ไม่เปล่งปลั่งดังเดิมอาจจะต้องลองมองหาใบบัวบกมาช่วยเสริมความงามอีกหนึ่งตัวช่วย เพราะสรรพคุณของใบบัวบกที่นอกจากแก้ช้ำได้แล้ว ใบบัวบกยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังดูเต่งตึงมากขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างอิลาสตินเพื่อให้ผิวดูยืดหยุ่น เปล่งปลั่งอีกด้วย

  • บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ 

     ใครที่มีปัญหาผมร่วงซึ่งเกิดจากการที่รากผมอ่อนแอหรือระบบการไหลเวียนเลือดบนหนังศีรษะไม่ดีพอ สามารถรักษาได้ด้วยใบบัวบก เนื่องจากใบบัวบกมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ พร้อมทั้งช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรงยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

  • กำจัดเซลลูไลท์

     สาว ๆ ที่หนักใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความงามของคุณสาว ๆ อยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้ค่ะ แค่เพียงรับประทานใบบัวบกเป็นประจำก็จะช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายขึ้น รวมทั้งช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น และลดการอักเสบอันเกิดจากเซลลูไลท์ได้

วิธีการรับประทานใบบัวบก

     จากการศึกษาพบว่าในปัจจุบันสามารถนำใบบัวบกไปรับประทานได้ทั้งแบบสด หรือนำไปสกัดเป็นแบบสำเร็จรูปที่วางขายตามท้องตลาด เช่น แบบสด สามารถนำไปรับประทานเป็นเครื่องเคียง หรือนำไปประกอบอาหาร รวมไปถึงการนำใบสดไปปั่นเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือสามารถนำไปพอกเพื่อสมานแผล และบำรุงผิวพรรณ และ แบบสำเร็จรูป มีการนำไปวางขายตามท้องตลาดโดยผ่านการสกัดจนกลายมาเป็นแบบแคปซูล ใบบัวบกเนื่องจากหยิบนำมาทานได้ง่ายเพียงครั้งละเม็ด ซึ่งแคปซูลหนึ่งเม็ดจะมีสรรพคุณทางยาอย่างครบถ้วน จะเห็นได้ว่าใบบัวบกมีสรรพคุณทางยานั้นไม่ได้มีแค่การรักษาอาการช้ำใน แต่ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้อีกมากมาย อีกทั้งยังสามารถทานได้ในทุกเพศทุกวัย

     หากผู้ประกอบการท่านใด สนใจนวัตกรรมสมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร  เช่น อาหารเสริม และเครื่องสำอาง ลูกค้าที่ต้องการส่งไปจำหน่ายยังประเทศต่าง ๆ ทั้งฝั่งเอเชีย ยุโรป และอเมริกา สามารถติดต่อกับ SNPS ได้เลย เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำ มั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีคุณภาพอย่างแน่นอน เพราะหนึ่งในมาตรฐานหลักในการส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศสำหรับโรงงานคือ GMP (Good Manufacturing Practice) ระบบที่ทำให้มั่นใจว่าสินค้ามีการผลิตและควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นมาตรฐานทั่วไป (General GMP) และยังมีการมาตรฐานเฉพาะสำหรับบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Specific GMP) อย่าง GMP Cosmetics สำหรับเครื่องสำอาง, GHPs สำหรับอาหาร, GMP PIC/s สำหรับยา

ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) SNPS

โทร: 038-458-698 ต่อ 102 , 086-307-3610
ไลน์: @snpthai
อีเมล์: sales@snpthai.com
เว็บไซต์: http://www.snpthai.com

บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด (SI)

โทร: 02-313-3456, 095-558-2289
ไลน์: @SpecialtyInno
อีเมล์: contact@spgthai.com
เว็บไซต์: http://www.specialtyinnovation.com

 


     เหตุผลที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มาจาก สมุนไพร นำมา ทำ ยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เหมาะแก่การเป็นตัวเลือกของขายดีในปัจจุบันนี้

1. เป็นสินค้าที่ซื้อง่าย ขายคล่อง 

ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเครื่องสำอาง เวชสำอางต่างหันมาออกสินค้าให้น่าซื้อเพื่อขยายฐานลูกค้า ที่ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือพนักงานทั่วไป ก็ต่างสามารถซื้อได้ ด้วยราคาที่จับต้องได้ในราคาที่ถูก อีกทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น อาหารเสริม สกินแคร์ เครื่องสำอาง หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวด เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

2. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเครื่องสำอางเป็นที่นิยมในต่างประเทศ

นอกจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเครื่องสำอางของไทยจะเป็นที่นิยมในประเทศแล้ว ชาวต่างชาติก็ชื่นชอบและนิยมใช้เช่นกัน จากข้อมูลที่รวบรวมมา จะสังเกตได้ว่า ระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรมากเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มูลค่ากว่า 12,211 ล้านบาท 

(ข้อมูลจาก เว็บไซต์ ROYAL THAI GOVERNMENT)

3. ภาครัฐส่งเสริม 

โดย DITP หรือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังส่งเสริมโครงการ “พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดต่างประเทศ” พร้อมส่งเสริมให้มีการพัฒนาปรับบรรจุภัณฑ์เพื่อให้เหมาะแก่ผู้บริโภคในยุคนี้มากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวัสดุธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ โดยมีการแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 3 กลุ่ม โดยคัดเลือกและปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้

สมุนไพร ที่มักถูกใช้ ทำ ยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง

     ปัจจุบันผู้ประกอบการอาหารเสริม เครื่องสำอาง เวชสำอาง เลือกใช้”สมุนไพร”เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ 

     เพราะ สมุนไพร (Herbs) คือ พืชที่ใช้เป็นยาหรือเครื่องสำอาง มีคุณสมบัติทางยาและมีการใช้ในการเร่งรักษาสุขภาพ และการจัดแต่งหรือเติมเต็มรสชาติในอาหารและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ด้วยกลิ่นและรสชาติที่พิเศษ สมุนไพรส่วนใหญ่มีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณทางการแพทย์ บางสมุนไพรมีสมบัติทางยาที่ช่วยรักษาหรือลดอาการของโรคต่าง ๆ ในการแพทย์ แต่ก็ควรใช้ให้ถูกต้อง และอย่าใช้มากเกินไปเนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงหรือเกิดอันตรายต่อสุขภาพ

     การใช้สมุนไพรในอาหารเสริมและเครื่องสำอางได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามของผิวหนังมากมาย สมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเสริมที่มีลักษณะธรรมชาติและน่าสนใจในการเสริมสุขภาพ สมุนไพรอาจถูกนำมาใช้ในรูปแบบของสารสกัด แคปซูล, น้ำมัน, ผง, หรือรูปแบบอื่น ๆ สำหรับการบริโภคหรือทางผิวหนัง 

การใช้สมุนไพรในรูปแบบนี้มีเป้าหมายหลากหลาย 

  1. เสริมสารอาหาร : สมุนไพรอาจใช้เสริมสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ, กรดอะมิโน, หรือสารต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสุขภาพเซลล์และระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
  2. เพื่อสุขภาพ : สมุนไพรมักมีสมบัติทางการแพทย์ที่ช่วยในการรักษาหรือสนับสนุนระบบร่างกาย เช่น การลดความอักเสบ, การบรรเทาอาการเจ็บปวด, การปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน, หรือการส่งเสริมระบบย่อยอาหาร
  3. รักษาโรค : บางสมุนไพรมีสมบัติทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคเฉพาะ เช่น สมุนไพรที่ใช้ในการควบคุมความดันโลหิต, รักษาโรคหัวใจ, หรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  4. บำรุงผิว : สมุนไพรมักใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเพื่อบำรุงผิว ลดริ้วรอย, และส่งเสริมความกระจ่างของผิว
  5. ลดน้ำหนัก : บางสมุนไพรมีสมบัติที่ช่วยในการลดน้ำหนัก และถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก

     ดังนั้นเพื่อให้ผู้ที่จะใช้สมุนไพรมีความเข้าใจและสามารถใช้สมุนไพรได้ถูกต้องและปลอดภัยนอกจากการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสมุนไพรนั้น ๆ ว่าเหมาะสมต่อการนำมาใช้หรือไม่ และรู้ถึงการใช้อย่างถูกต้อง หรือมีหลักในการเลือกใช้ยาสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร (หลัก 4 ถูก) ดังนี้

  1. ถูกต้น เนื่องจากสมุนไพรส่วนใหญ่มีชื่อพ้องหรือซ้ำกัน ชื่อเฉพาะท้องถิ่น ที่อาจเรียกชื่อแตกต่างกันทั้ง ที่เป็นพืชชนิดเดียวกัน หรือบางครั้งชื่อเหมือนกันแต่เป็นพืชคนละชนิด เพราะฉะนั้นจะใช้สมุนไพรอะไรก็ต้องใช้ให้ถูกต้นจริง โดยอาจใช้ชื่อพฤกษศาสตร์ของพืชแต่ละชนิดเป็นชื่อเรียกเพื่อป้องกันความสับสน และตรวจสอบเอกลักษณ์พืชโดยเปรียบเทียบกับตัวอย่างพืชที่อยู่ในสวนพฤกษศาสตร์หรือในหนังสือพฤกษศาสตร์ที่เชื่อถือได้
  2. ถูกส่วน ส่วนของพืชสมุนไพรแต่ละส่วนราก ดอก ใบ เปลือก ผล หรือเมล็ด หรือความสุก แก่ อ่อน ดิบของสมุนไพร อาจมีองค์ประกอบทางเคมีหรือสารสำคัญที่เหมือนหรือแตกต่างกันได้ หรือในพืชบางชนิดส่วนต่าง ๆของพืชอาจมีสารสำคัญที่เหมือนกันแต่มีปริมาณแตกต่างกัน จึงทำให้ความแรงหรือประสิทธิภาพในการรักษาแตกต่างกันได้ หรือในพืชบางชนิดบางส่วนใช้เป็นยา บางส่วนมีพิษ
  3. ถูกขนาด คือ แม้ว่ายาสมุนไพรหลายชนิดจะไม่อันตราย แต่ปริมาณ/ขนาดของการใช้ที่มากเกินขนาดอาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้หรือผลการรักษา โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีความทนต่อยาน้อยกว่าผู้ใหญ่ และระยะเวลาการใช้ ที่ไม่ให้ใช้ติดต่อกันนานเกินกว่าคำแนะนำที่กำหนดควรหยุดยาเพื่อให้ร่างกายได้พักและกำจัดยาออกจากร่างกาย หากจำเป็นหรือมีความประสงค์ที่จะใช้สมุนไพรเป็นเวลานาน ควรมีการตรวจร่างกายทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการใช้สมุนไพรเป็นระยะ ๆ ได้แก่ ตรวจการทำงานของตับ เช่น ตรวจเอนไซม์ตับ (AST, ALT) การทำงานของไต (BUN, Cr) ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น
  4. ถูกวิธี วิธีการใช้ยาหรือการนำสมุนไพรมาปรุงประกอบยาให้ถูกต้องถูกตามหลัก เช่น บางชนิดต้องใช้ต้นสด คั้นน้ำ ต้มเคี่ยว ต้มกับน้ำ หรือดองเหล้า เป็นต้น ในกรณีที่ต้องการปรับเปลี่ยนเป็นวิธีอื่นที่แตกต่างจากวิธีโบราณหรือดั้งเดิม จำเป็นต้องศึกษาถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยก่อนจะใช้จริง เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในพืชแต่ละชนิดมีความหลากหลาย การเปลี่ยนวิธีเตรียมยาอาจทำให้สารที่ถูกสกัดออกมาแตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งอาจเกิดอันตรายได้

(ข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก)

     หากผู้ประกอบการใด สนใจผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจาก สมุนไพร  เช่น อาหารเสริม และเครื่องสำอาง สามารถติดต่อ SNPS ได้เลย เรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำ มั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีคุณภาพอย่างแน่นอน

ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) SNPS

โทร: 038-458-698 ต่อ 102 , 086-307-3610
ไลน์: @snpthai
อีเมล์: sales@snpthai.com
เว็บไซต์: http://www.snpthai.com

บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด (SI)

โทร: 02-313-3456, 095-558-2289
ไลน์: @SpecialtyInno
อีเมล์: contact@spgthai.com
เว็บไซต์: http://www.specialtyinnovation.com